วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

น้ำ




ความสัมพันธ์ผลึกน้ำกับพลังคลื่นเสียง


ความสัมพันธ์ผลึกน้ำกับคลื่นเสียงจากหนังสือข่าวจากน้ำ 
                การวิจัยที่ก่อให้เกิดความตื่นตัวอย่างใหญ่หลวงต่อความสำคัญของคลื่นเสียง ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ คือ การวิจัยเรื่องผลึกน้ำของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ชื่อ มัตซูระ อิโมโต




จากหนังสือข่าวจากน้ำ (Massage from Water) เขาได้ค้นพบวิธีถ่ายภาพผลึกน้ำ (Water Crystal) โดยนำน้ำมาทำให้เย็นจัดจนตกผลึกที่เขาได้ทำการถ่ายรูปผลึกน้ำในภาวะที่แตก ต่างกันด้วยกล้องขยายขนาด 200-500เท่า แล้วมาเปรียบเทียบ  
จากการวิเคราะห์ผลึกของน้ำที่สังเกตได้พบว่าผลึกน้ำแบ่งออกเป็นสองแบบใหญ่ ๆ ได้แก่
แบบที่ 1  ผลึกน้ำที่มีคุณภาพดี

                          

                 มีลักษณะเป็นผลึกน้ำที่เป็นรูปผลึกหกเหลี่ยม    ซึ่งเป็นผลึกน้ำที่มีคุณภาพที่สุด จะอยู่ในแหล่งน้ำที่มีคุณภาพต่าง ๆ เช่น ในน้ำแร่ที่มีคุณภาพสูง เป็นต้น จากการวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่เกี่ยวกับคุณประโยชน์แห่งน้ำต่อร่าง กาย พบว่าผลึกน้ำแบบนี้ถ้ามีอยู่ในอวัยวะหรือร่างกายส่วนใดจะมีคุณสมบัติ พิเศษในการสามารถจะแทรกผ่านผนังเซลล์ของร่างกายเข้าไปชะล้างของเสียที่อยู่ ภายในเซลล์ออกมาได้ดี ลดความเสี่ยงของการสะสมสารพิษที่ก่อให้เกิดเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งบริเวณ ร่างกายส่วนนั้น

แบบที่สอง ผลึกน้ำที่ไม่มีคุณภาพ

                              

         เป็นผลึกน้ำที่ไม่เป็นรูปผลึก เป็นผลึกน้ำที่ไม่มีคุณภาพ จะอยู่ในแหล่งน้ำที่มีคุณภาพไม่ดี เช่นแหล่งน้ำ ประปาที่ผ่านคลอรีนสูง ๆ ผลึกน้ำแบบนี้ถ้าอยู่ในอวัยวะหรือร่างกายส่วนใดจะมีคุณสมบัติต่ำในการขับ ล้างสารพิษในเซลล์ เนื่องจากเป็นผลึกที่มีโมเลกุลใหญ่มีความยากลำบากที่จะ แทรกผนังเซลล์เข้าไปชะล้างสารพิษในเซลล์ออกมา
               เขาได้นำน้ำจากแหล่งที่มีคุณภาพดีให้ผ่านการรับพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจาก อุปกรณ์ใช้งานในชีวิตประจำวัน    เช่น เตาไมโครเวฟ โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ พบว่ามีผลทำให้ผลึกน้ำเปลี่ยนแปลงไปเป็นผลึกน้ำที่ไม่ มีคุณภาพ

  
                 

                                     ผลึกน้ำก่อนและหลังการรับคลื่นจากเตาไมโครเวฟ

            
                                 ผลึกน้ำก่อนและหลังการรับคลื่นจากโทรศัพท์เคลื่อนที่
   
                   ผลึกน้ำก่อนและหลังการรับคลื่นจากโทรทัศน์
 ต่อ มาได้ทำการทดลองจัดให้ผลึกน้ำรับพลังคลื่นเสียงจากดนตรีป๊อป ดนตรีคลาสสิคและดนตรีร๊อคเฮฟวี่เมททัล พบว่าเกิดปรากฏการณ์ความแตกต่างของ ผลึกน้ำได้อย่างน่าสนใจ  คือผลึกน้ำ ที่ส่งผ่านพลังคลื่นเสียงจากเพลงป๊อบชื่อเพลง Yesterday ของ The Beatle และดนตรีคลาสสิค มีผลึกน้ำที่สวยงามและเป็นผลึกน้ำที่มีคุณภาพสุง แตกต่าง จากผลึกน้ำที่ส่งผ่านพลังคลื่นเสียงจากดนตรีร๊อคเฮฟวี่เมททัล ที่กลายเป็น ผลึกน้ำที่ไม่มีคุณภาพ
                
                               เพลง Yesterday ของ The Beatle
                      
                             เพลง Air for the G string ของ Bach

                                  

                                       เพลง Pastoral  ของ Beethoven

                        

                                         เพลง Swan Lake ของ ไซคอฟสกี้

                                

                                                     เพลง Heavy Metal

ได้ มีการทดลองต่อไปอีกกับพลังคลื่นเสียงที่ได้จากการสวดมนต์ จากลามะธิเบตและการสวดของบาทหลวง พบว่าให้ผลึกน้ำที่มีคุณภาพสูงและมีความสวยงามคล้ายกับประกายเพชร 


        
                             เสียงสวดมนต์ของลามะธิเบต
                             เสียงสวดมนต์ของบาทหลวงศาสนาคริสต์
การ ทดลองของเขากับผลึกน้ำที่น่าประหลาดใจอย่างมาก ก็คือการทดลองส่งพลังคลื่น เสียงจากมนุษย์ที่พูดออกมาด้วยคำพูดออกมาในเชิงบวก ที่เป็นการเอื้ออาทรต่อมนุษย์ที่มีต่อกัน เช่น ขอบคุณ ขอให้มีความสุข เปรียบเทียบกับพลังคลื่นเสียงของมนุษย์ที่พูดออกมาด้วยคำพูดในเชิงลบภายใต้ จิตใจที่คิดร้ายต่อมนุษย์ด้วยกัน เช่น ไอ้โง่ ผลึกน้ำดังกล่าวมีลักษณะเป็นวงดำและมีสีสันรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว การวิจัยก็ได้สร้างความประหลาดใจที่มีการพบว่าคำพูดทางบวกหรือทางลบของ มนุษย์ก็มีอิทธิพลต่อมนุษย์ด้วยเป็นอย่างมาก
                            รักและขอบคุณ
                                     ไอ้บ้า
                                        เทวดา
                                               ปีศาจ 
        
    
                                           ทำเดี๋ยวนี้นะ
                                              ไอ้โง่
                                        บัดซบฉันจะฆ่าแก
                   จากการทดลองที่ผ่านมาจะเห็นว่าน้ำเป็นสื่อที่ละเอียดอ่อนที่สามารถจะมีรูป ร่างของผลึกน้ำที่จะตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่ส่งอิทธิพลต่อมัน โดยเฉพาะพลังแห่งคลื่นเสียงและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา
                   ดังนั้นการที่ในตัวคนมีน้ำประมาณ 70 % ของน้ำหนักร่างกาย กระจายอยู่เป็นองค์ประกอบในเซลล์ร่างกายดังนั้นรูปร่างผลึกน้ำในร่างกายและ ในอวัยวะของเราย่อมได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและลบจากอิทธิพลแห่งพลังคลื่น เสียงจากสิ่งแวดล้อมภายนอกหรือแม้แต่พลังแห่งความคิดของตนเองและผู้อื่น ด้วย 
ซึ่ง ถ้าอวัยวะส่วนใดได้รับอิทธิพลในทางลบจะมีผลทำให้อวัยวะส่วนนั้นเกิดผลึกน้ำ ที่มีรูปร่างใหญ่สีดำน่าเกลียด ขาดคุณสมบัติที่จะไปแทรกผนังเซลล์เข้าไปชะล้างของเสียภายในเซลล์ได้ มีผลทำ ให้เกิดการสะสมสารพิษในอวัยวะส่วนนั้นทำให้เกิดเนื้องอก มะเร็ง หรือการเจ็บป่วยแก่อวัยวะส่วนนั้นได้  จากผลของการเสียหายของอวัยวะดัง กล่าว จะส่งผลกระทบในทางลบต่ออวัยวะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ใน ทางตรงกันข้ามซึ่งถ้าอวัยวะส่วนใดได้รับอิทธิพลในทางบวกจะมีผลทำให้อวัยวะ ส่วนนั้นเกิดผลึกน้ำที่มีรูปร่างหกเหลี่ยมมีคุณสมบัติที่จะไปแทรกผนังเซลล์ เข้าไปชะล้างของเสียภายในเซลล์ได้อย่างง่ายดาย มีผลทำให้ไม่มีสารพิษสะสมใน อวัยวะส่วนนั้น มีผลทำให้อวัยวะส่วนนั้นแข็งแรงมีสุขภาพดี ส่งผลให้บุคคลผู้นั้นมีสุขภาพ ร่างกาย อารมณ์และจิตใจที่ดี
ดัง นั้นในฐานะที่มนุษย์ที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบในร่างกายสามในสี่ส่วน อิทธิพล แห่งคลื่นเสียงย่อมมีอิทธิพลทั้งทางบวกและทางลบต่อร่างกายมนุษย์อย่างไม่ ต้องสงสัย   ดังนั้นการพลังการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงที่มีคุณภาพ ซึ่งมีพลังที่บริสุทธิ์หรือคล้องจองกับการสั่นสะเทือนของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงสวดมนต์ ที่เลือกสรรอย่างถูกหลักวิชาการและจิตวิญญาณ ก็ย่อมเป็นระบบ การบำบัดที่มีเหตุผลสำหรับการรักษาสุขภาพ ถ้าใช้อย่างเหมาะสมกับร่างกายใน สถานที่เหมาะสมและเวลาที่เหมาะสม การ ที่เราได้รับน้ำที่มีคุณภาพ ,พลังคลื่นเสียงแห่งดนตรี,บทสวดมนต์และพลังแห่งคำพูดในเชิงบวก ย่อมจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเขาเป็นอย่างดี









ทฤษฎีทางฟิสิกส์เกี่ยวกับพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในร่างกายมนุษย์
ทฤษฎีทางฟิสิกส์

          สสารทุกชนิดจะอยู่ในสภาวะที่มีการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในระดับ อนุภาคของอะตอม เป็นผลทำให้ ก่อให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้น   
            การสั่นสะเทือนภายในเซลล์ของร่างกายมนุษย์ มีผลทำให้ ก่อให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ด้วยเครื่องมือตรวจวัดความร้อนที่เรียกว่าเทอร์โมกราฟ ฟี่จากภาพโดยแสดงผลออกมาเป็นแสงสีต่าง ๆ ตามอุณภูมิความร้อนที่เกิดจากพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย







ทฤษฎีการบำบัดด้วยพลังคลื่นเสียง
1. อวัยวะและเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายมีการตอบสนองต่อแรงอัดและแรงขยายแต่ละอย่างแตกต่างกัน
2.แต่ละส่วนของร่างกายจะมีการสะท้อนเสียงได้ตามธรรมชาติและมีการตอบสนองได้ดีกับเสียงที่สั่นสะเทือนในระดับเดียวกัน 
3.
ความสั่นสะเทือนที่ไม่ประสานกันกับแต่ละส่วนของร่างกายจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

      
        เหตุที่ความ สั่นสะเทือนที่ไม่ประสานกันก่อให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ในร่างกายได้ เนื่อง จากปกติเซลล์ร่างกายจะเลือกรับรังสีหรือการสั่นสะเทือนปกติจากสภาพแวดล้อม ยามที่ต้องการ แต่ถ้าความเข้มของรังสีและการสั่นสะเทือนของสภาพแวดล้อมมีมาก เซลล์อาจจะดูดซับเข้าไปแม้เมื่อไม่ต้องการก็ตาม การสั่นสะเทือนมากเกินไป เนื่องจากสภาวะการสั่นสะเทือนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสมในสภาพแวด ล้อม เซลล์ร่างกายที่ได้รับการอัดประจุมากเกินไปก็อาจทำให้เซลล์นั้น ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับความถี่และรูปแบบการเจริญเติบโตไปจนถึงจุดเสีย หายได้ โดยมีแนวโน้มที่จะกลายสภาพเป็นเซลล์ที่ขาดการสั่นสะเทือน ซึ่งมีสภาพ คล้ายกับเซลล์ที่ขาดสารอาหาร โดยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนขั้วเป็นกลาง และเปลี่ยนความถี่ นั่นคือการเปลี่ยนรูปแบบการเจริญเติบโตของมัน
                ซึ่งพลังคลื่นความถี่ดังกล่าวทำให้เกิดปฏิกิริยาสร้างมลภาวะได้เช่นเดียวกับ อาหารที่เป็นพิษ มลภาวะสามารถเปลี่ยนสนามพลังแม่เหล็กไฟฟ้า หรือความถี่ของเซลล์ทำให้ก่อเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อสนามพลังใหญ่ของอวัยวะ เนื่องจากว่าเมื่อเซลล์บริเวณอวัยวะใดเกิดความเสียหายจำนวนมาก อวัยวะนั้นๆก็จะเกิดความเสียหายจนทำให้มีการทำงานที่ผิดปกติไป ซึ่งจะกระทบ ต่อระบบของร่างกายตลอดร่าง ปฏิกิริยาลูกโซ่แบบนี้สามารถนำไปสู่การเหนื่อย ล้าแบบเรื้อรัง หมดแรง และเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ
                การมีสุขภาพที่ไม่ดีหรือมีโรค เชื่อว่ามีผลทำให้ความถี่ของการสั่นสะเทือนของเซลล์และ
อวัยวะต่าง ๆ ผิดไป ดังนั้นหลักการแห่งการบำบัดด้วยคลื่นเสียงส่วนใหญ่จึงมีจุดประสงค์ เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความถี่นี้ในอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยการส่งคลื่นที่ประสานกันได้อย่างกลมกลืนไปยังจุดที่มีปัญหา ดังนั้นการสั่นสะเทือนที่บริสุทธิ์หรือคล้องจองกับการสั่นสะเทือนของเซลล์ใน อวัยวะต่าง ๆ เช่น เสียงดนตรี เสียงสวดมนต์ ที่เลือกสรรอย่างถูกหลักวิชาการและจิตวิญญาณ ก็ย่อมเป็นระบบ การบำบัดที่มีเหตุผลสำหรับการรักษาสุขภาพ ถ้าใช้อย่างเหมาะสมกับร่างกายใน สถานที่เหมาะสมและเวลาที่เหมาะสม
               


                 เสียงอาจนำมาใช้ในการรักษาได้อีกหลากหลายวิธี เช่น ส่วนการบำบัดด้วยคลื่นเสียงด้วย
การร้องเพลง หรือการสวดมนต์ ผู้รับการบำบัดจะได้รับการฝึกการเปล่งเสียงเพื่อรักษาตัวเอง อาจทำคนเดียว หรือเป็นหมู่คณะก็ได้ และไม่จำเป็นต้องร้องเพลงเป็นหรือมีความรู้ทางดนตรีมา ก่อน ส่วนแนวทางอื่น ๆ ได้แก่ ดนตรีบำบัดและนาฎบำบัด และนักบำบัดบางคนจะใช้การร้องเพลงและการสวดมนต์เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการ หายใจ เพื่อให้เกิดการผ่อนคลายและกระตุ้นให้ร่างกายมีพลังในการเยียวยาตัว เอง ซี่งจะได้ผลใกล้เคียงกับการทำสมาธิและการฝึกโยคะ กล่าวกันว่าถ้านำการ บำบัดด้วยคลื่นเสียงนี้ไปใช้กับคนเป็นคู่ ๆ หรือเป็นกลุ่มจะสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน และช่วยให้แต่ละคนปรับ ตัวเข้าหากันได้ดีขึ้น
                นักดนตรีบำบัดชื่อ เฟเบียน มาแมนเชื่อว่า เมื่อได้ฟังเสียงที่เปล่งออกมา และเสียงสะท้อน
ของพลังงานในร่างกายของคนคนหนี่ งแล้ว เขาสามารถเลือกเสียงเฉพาะที่เข้ากับเขาคนนั้น และทำให้เขามีสุขภาพดี ได้ มาแมนอ้างว่าคลื่นเสียงที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีอาจโจมตีเซลล์เชื้อโรคและ เสริมสร้างเซลล์ที่แข็งแรง จึงช่วยเยียวยาโรคบางอย่างได้    ซึ่งการมีสุขภาพที่ไม่ดีหรือมีโรค เชื่อว่ามีผลทำให้ความถี่ของการสั่น สะเทือนของเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ ผิดไป การบำบัดด้วยคลื่นเสียงส่วนใหญ่จึงมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูและเพิ่ม ความแข็งแกร่งให้กับความถี่นี้โดยการส่งคลื่นที่ประสานกันได้อย่างกลมกลืนไป ยังจุดที่มีปัญหา
นอก จากนี้จากคัมภีร์ทางโยคะศาสตร์หรือคัมภีร์จีนในลัทธิเต๋าก็ได้พูดถึงการใช้ พลังคลื่นเสียงจากการเปล่งของมนุษย์หรือการสร้างสรรค์ดนตรีชนิดพิเศษขึ้นมา เพื่อการพัฒนาศักยภาพมนุษย์และการบำบัดโรค สำหรับคัมภีร์จีน ได้พูดถึงความเชื่อเกี่ยวกับธาตุทั้งห้า ได้แก่ ธาตุดิน,ธาตุทอง,ธาตุน้ำ,ธาตุไม้,และธาตุไฟ   ซึ่งเกี่ยวพันกับอวัยวะสำคัญในร่างกาย ได้แก่ ม้าม,ปอด,ไต,ตับและหัวใจ   หรือคัมภีร์ทางโยคะศาสตร์ พูดถึงศูนย์พลังทั้ง 7   ที่เกี่ยวพันกับการกระตุ้นต่อมไร้ท่อต่าง ๆและการเดินทางขอ ที่สำคัญในร่างกาย ดังนั้นตามคัมภีร์โบราณก็มีการให้ความรู้และบทเรียนเพื่อ การฝึกปฏิบัติตนในด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาสมาธิระดับ สูงและมุ่งสู่การหลุดพ้น ด้วยการเปล่งเสียงที่ให้คลื่นเสียงต่าง ๆ กันสู่ส่วนต่าง ๆ หรืออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายแต่ละส่วน เพื่อส่งคลื่นเสียงที่มีความสั่นสะเทือนอย่างเหมาะสมกับกับธรรมชาติและความ ต้องการของอวัยวะส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นดีกับคลื่นเสียงที่สั่นสะเทือนในระดับเดียวกันที่ถูกส่งออกมาจาก การเปล่งเสียง เพื่อกระตุ้นศักยภาพภายในร่างกายให้เกิดความสมดุลย์และเสริมสร้างพลังสมาธิ ระดับสูง นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีที่ได้ศึกษาคัมภีร์โบราณเหล่า นั้น ได้นำความรู้เหล่านี้มาผลิตเป็นดนตรีที่ให้คลื่นเสียงในรหัสเดียวกับการ เปล่งเสียงตามคัมภีร์โบราณ ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มผู้ฝึกปฏิบัติทาง จิตระดับสูง
                                                                                                                                                           
                                                                                                                                                                                                                                                       
สรุป ได้ว่าในการบำบัดอวัยวะและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ถ้าได้มีการจัดพลังแห่งคลื่นเสียงที่เหมาะสมเข้าบำบัดในร่างกาย และอวัยวะส่วนต่าง ๆ จะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี พลังคลื่นเสียงที่ได้จาก ดนตรีมักเป็นดนตรีทางศาสนาและลัทธิความเชื่อ เช่น ดนตรีทางโยคะศาสตร์และดนตรีพลังธาตุของลัทธิเต๋า ที่เน้นแนวทางการบำบัดรักษาร่างกายตามส่วนต่าง ๆ ของอวัยวะภายใน ซึ่งความบกพร่องทางสมองของกลุ่มเด็กพิเศษแนวทางบำบัดด้วยพลังคลื่นเสียงดัง กล่าวอาจฟื้นฟูเขาขึ้นมาก็ได้
ปัจจุบัน ได้มีการสร้างองค์ความรู้เกิดวิชาใหม่ที่เรียกว่าวิชาดนตรีบำบัด ซึ่งเป็นวิชาที่ว่าด้วยการนำดนตรีและองค์ประกอบของดนตรี และกิจกรรมการฝึกทักษะทางดนตรีมาประยุกต์เพื่อเบี่ยงเบนพฤติกรรม ใช้บำบัด ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ร่วมกับการรักษาแขนงอื่น เพื่อให้การรักษาประสบผลสำเร็จดีขึ้น โดยอาศัยการ กระทำอย่างมีหลักเกณฑ์และมีระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์เป็นการใช้ดนตรี ร่วมกับการสื่อสาร ที่ใช้คำพูดเพื่อนำไปสู่การบำบัดรูปแบบอื่นต่อไป โดยมีการจัดกิจกรรม ที่เรียกว่ากิจกรรมดนตรีบำบัด ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมโดยเน้นที่การใช้ เครื่องดนตรี (Music tools) ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและผู้ให้การรักษาเป็นหลัก เป็นวิธีที่ใช้แก้ ปัญหา ที่เป็นผลตามมาจากความบกพร่องทางพัฒนาการ สามารถใช้ได้ง่ายและใช้กับ ผู้ป่วยเป็นกลุ่มได้ การให้ผู้รับการบำบัดเล่นเครื่องดนตรีชนิดนั้น ๆ ได้ เป็นวัตถุประสงค์หนึ่งของกิจกรรมดนตรีเพื่อการบำบัด  
นายแพทย์ ดร. ประกอบ ผู้วิบูลย์สุข จิตแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ได้ให้ข้อมูลในเรื่องนี้ว่า “เราสามารถนำดนตรีบำบัดมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบทั้งในเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ เพื่อตอบสนองความจำเป็นที่แตกต่างกันไปทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เช่น ปัญหาบกพร่องของพัมนาการ สติปัญญาและการเรียนรู้ โรคซึมเศร้า อัลไซเมอร์ ปัญหาการบาดเจ็บทางสมอง ความพิการทางร่างกาย อาการเจ็บป่วยและภาวะอื่น ๆ   สำหรับบุคคลทั่วไปก็สามารถใช้ดนตรีบำบัดได้ในแง่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด และใช้กับการออกกำลังกายเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีได้” 
ดัง นั้นจึงได้มีแนวคิดการใช้ดนตรีเป็นองค์ประกอบในการจัดกิจกรรมให้เด็ก ออทิสติก เพราะว่า ดนตรีเรียกร้องความสนใจของเด็กได้ ทำให้เกิดมีสมาธิ อย่างน้อยเพื่อให้เขาหันมาสนใจและหยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ชั่วขณะ ดนตรีช่วยให้เกิดความสนุกสนาน และเร้าให้ร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น